เทศน์เช้า วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมนะ สัจธรรม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วมันทอดธุระ คำว่า “ทอดธุระ” ทอดธุระมันมหัศจรรย์กว่าโลกนี้หลายร้อยหลายพันเท่า
เวลาทอดธุระนะ สร้างสมมาเป็นพระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย มีปัญญา มีวุฒิภาวะมหาศาล แล้วก็คิดว่าสิ่งต่างๆ มนุษย์จะเข้าใจได้ๆ เวลาตรัสรู้ขึ้นมา ตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้วทอดธุระเลย
จนพรหมมานิมนต์ แต่อีกอย่างหนึ่งท่านสร้างสมบุญญาธิการของท่านมา แล้วผู้ที่สร้างสมบุญญาธิการมามันต้องมีเชาวน์มีปัญญาของท่าน มันถึงว่า “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด”
แล้วพวกดัดจริต พวกดัดจริตเวลาศึกษาธรรมะนะ “ต้องมีธรรมเป็นที่พึ่ง ต้องมีธรรมเป็นที่พึ่ง นั่นคืออารมณ์ นั่นคือบุคคล นั่นคือตำรา พึ่งอะไรไม่ได้ต้องพึ่งตำราๆ”
แล้วธรรมมันอยู่ไหนล่ะ
ธรรมมันก็อยู่อารมณ์นั่นแหละ อารมณ์ที่มึงศึกษานั่นน่ะ ที่มึงคิดว่าสิ่งนั้นเป็นธรรมๆ นั่นน่ะ
สิ่งที่ “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด” ฟังธรรมๆ เราพยายามค้นคว้าหาสัจธรรม สัจธรรมตามความจริงอันนี้ ถ้าตามความจริงอันนี้มันเกิดขึ้นมาจากหัวใจของเราไง
เวลามันเป็นขึ้นมามันเป็นที่จิตวิญญาณนั้น ถ้าจิตวิญญาณนั้น เพราะจิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตนี้มันมีอวิชชาปิดบังหัวใจของมัน มันถึงเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวลามันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะด้วยบุญด้วยกรรมของตน บุญกุศลทำให้เกิดมีอำนาจวาสนา บาปอกุศลก็เกิดเหมือนกัน แต่เวลาเกิดขึ้นมา เกิดมาทุกข์มายากขึ้นมา
แต่คนเราทุกดวงใจต้องมีทั้งทำดีและทำชั่ว การทำดีทำชั่วมันถึงวาระของมัน มันก็ได้ให้ผลตอบแทนของมัน เวลาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไง “อยากเกิดเป็นอันนั้น อยากเกิดเป็นอันนี้”
มึงไม่ต้องอยากหรอก มันเป็นอยู่แล้ว มันอยู่ที่บุญกุศลของแต่ละบุคคล มันอยู่ที่บาปอกุศลของแต่ละบุคคล ไอ้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ไอ้อยากเป็นนู่นเป็นนี่ มึงไม่ต้องไปอยากหรอก มันเป็นอยู่แล้ว
โตเทยยพราหมณ์ โตเทยยพราหมณ์ด้วยความผูกพัน ความผูกพันของเขาเรื่องสมบัติของเขา เขาเอาสมบัติของเขาไปใส่ไหฝังดินไว้ ทองคำของเขาๆ เวลาเขาตายไป ตายไปด้วยความผูกพัน เขาก็มาเกิดเป็นสุนัขมาเฝ้าทองคำอันนั้น
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบิณฑบาตไป เขาตระหนี่ถี่เหนียวของเขา เขารักสมบัติของเขา เขาไม่เคยทำบุญกุศลสิ่งใดของเขา เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ่านไป ด้วยว่าอนาคตังสญาณ ปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ไง
“โตเทยยพราหมณ์ เธอมีชีวิตอยู่เธอก็ตระหนี่นะ ตายเป็นหมาแล้วยังมาหวงก้างอีก”
พูดให้ได้ยิน คนใช้เขาได้ยินก็ไปฟ้องลูกชาย ลูกชายเขาโกรธมาก พ่อเขาตายไป มาดูถูกว่าพ่อเขามาเกิดเป็นสุนัข
ก็บอกว่า ให้กลับไปนะ แล้วเรียกพ่อๆ เรียกพ่อเลย แล้วเลี้ยงดูให้ดีเลย แล้วก็ขอเขาๆ บอกขอสมบัติที่ฝังไว้
ไอ้เรียกว่าพ่อ ไอ้หมาตัวนั้นน่ะมันวิ่งไปตะกุยที่ดิน ตะกุยที่ไหนลูกชายก็ขุด ไหทองคำ ไหทองคำ ไหทองคำ
นี่ความผูกพันไง อยู่ในพระไตรปิฎกนะ สามีรักภรรยามาก ภรรยาก็ไปคบชู้ ฆ่าสามีตาย สามีตายไปนะ มาเกิดเป็นตุ๊กแกอยู่ในบ้านน่ะ มาใกล้ชิดๆ มาคลอเคลียๆ ก็ฆ่ามันซะ ไปเกิดเป็นสุนัข สุนัขก็มาผูกพัน นี่ด้วยความรักความผูกพันของอดีตสามี มาเกิดสามภพสามชาติ สี่ภพสี่ชาติ นี่อยู่ในพระไตรปิฎกไง
นี่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะอยากจะเกิดเป็นไอ้นั่น อยากจะเกิดเป็นไอ้นี่ แล้วสิ่งนั้นมีหรือไม่มี นั้นมันเป็นความเชื่อ ในเมื่อกิเลสมันบังตาเอ็งก็เรื่องของเอ็ง
แต่เวลาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฎะนะ จิตมันมหัศจรรย์ของมันมาก ถ้าจิตมหัศจรรย์ของมันมากนะ เวลาบุพเพนิวาสานุสติญาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่พระเวสสันดรไป แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่า “เราเคยเป็น”
“เรา” เราหมายถึงตัวขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยเป็นพระเวสสันดร มันเป็นอดีตไปแล้ว พระเวสสันดรมันเป็นปรากฏการณ์อันหนึ่งในวัฏฏะ แต่จิตดวงนี้เคยเกิดเป็นพระเวสสันดร “เราเคยเป็นพระเวสสันดรในสมัยนั้น แต่ในปัจจุบันนี้เราคือเจ้าชายสิทธัตถะ”
“เราเคยเป็น” เรากับอดีตมันคนละอันกันใช่ไหม แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดถึงพระโพธิสัตว์ๆ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขยก็ตั้งแต่พันธุกรรมของจิตที่มันได้ตัดแต่งใจของมันมา ได้สร้างสมบารมีมา หัวใจมีคุณค่ามากน้อยแค่ไหน นี่หัวใจของคนไง
ผลของวัฏฏะๆ เวลาผลของวัฏฏะ สิ่งที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะนั่นผลของวัฏฏะ ผลของวัฏฏะมันไม่ใช่อริยสัจ มันไม่ใช่เรื่องจริงในพระพุทธศาสนา
เรื่องจริงในพระพุทธศาสนาเรื่องทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ดับ วิธีการดับทุกข์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ที่นี่ แต่กว่าที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ที่นี่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สร้างสมบุญญาธิการมา สร้างสมคุณงามความดีของมันมา
ไอ้ของเราเวลาเราพูดมันจะไขว้เขวไปไง พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนรกสวรรค์ พระพุทธศาสนาสอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ แล้วเราไปผูกพันกับไอ้ภพชาติอันนั้นไง
โตเทยยพราหมณ์ โตเทยยพราหมณ์เขาเป็นเศรษฐี แล้วภพชาติที่เกิดเป็นสุนัขล่ะ แล้วภพชาติที่เกิด ดูสิ เวลาเจ้าชายสิทธัตถะ เวลาพระศรีอริยเมตไตรยจะมาตรัสรู้ มาบนสวรรค์ เป็นเทวดาจะมาจุติเกิดเป็นพระศรีอริยเมตไตรย นี่ไง ผลของวัฏฏะๆ มันมีธรรมชาติของมัน นี่คือเรื่องของวัฏฏะ เรื่องของเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เรื่องของวัฏฏะที่วนเวียนไปในหัวใจของเรา
เราเกิดมาแล้ว เกิดมาภพชาติหนึ่งมันเล็กน้อยมาก มันแทบจะไม่มีคุณค่าในการนับเลยนะ แต่ยิ่งใหญ่นะ ยิ่งใหญ่ในชาติปัจจุบันนี้ร้อยปีไง ร้อยปีของเรา เรามีสติปัญญาหรือไม่
นี่ไง ในบรรดาสัตว์สองเท้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างสมบุญญาธิการมาขนาดไหน ในปัจจุบันนี้เราเกิดมาเป็นสัตว์สองเท้า เราเกิดเป็นมนุษย์ไง แล้วเรามีโอกาสหนึ่งร้อยปี เรามีโอกาสในชีวิตเรานี้
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเป็นธรรมชาติ
ธรรมะเป็นธรรมชาติๆ การเวียนว่ายตายเกิดมันก็ธรรมชาติๆ แต่ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรื่องบุญและบาป เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะนั่นน่ะมันต้องเกิดโดยธรรมชาติของมันอยู่แล้ว
เมล็ดพันธุ์พืชมันตกลงดินมันต้องงอกอยู่แล้วโดยธรรมชาติของมัน แต่มันไปงอกที่ไหนไง มันงอกที่ไหน งอกแล้วมันสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ไง
ไอ้นี่ก็เหมือนกัน จิตของเราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันก็มีบุญและบาปนี่ไง บุญและบาปที่ขับเคลื่อนไปว่าเมล็ดพันธุ์นี้มันสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหนไง นี่ไง ชาวพุทธๆ เราถึงทำบุญกุศลมา มาสร้างบุญกุศลของเรา ตัดแต่งพันธุกรรมๆ ขอให้จิตเราดีงามๆ ถ้าจิตเราดีงาม ดีงามมันดีงามตรงนี้ ที่มีคุณค่า มีคุณค่าที่นี่ ถ้ามีคุณค่าที่นี่ อย่างอื่นมันเครื่องอาศัย ปัจจัย ๔ ปัจจัยไม่ใช่ความจริง ปัจจัย
แต่เวลาใครมาหานะ เวลาถามเรื่องทุกข์ยากนะ เขาบอกว่าเป็นโรคทรัพย์จาง โรคทรัพย์จาง สำคัญที่สุดไง โรคทรัพย์จางๆ เกิดสงครามขึ้นมา ทรัพย์กินไม่ได้ แบงก์กินไม่ได้ อาหารเท่านั้น
แล้วเวลาเข้าไปในหัวใจแล้ว วัตถุแก้ทุกข์ไม่ได้ อารมณ์เท่านั้น
อารมณ์ที่เป็นโลกๆ มันก็เป็นเรื่องโลก อารมณ์ที่ดีงามล่ะ บุญและบาปไง ถ้ามันเป็นบุญเป็นกุศลนะ เป็นบุญเป็นกุศล คนคิดแต่เรื่องดีๆ วาสนาของเขานะ เขาคิดแต่เรื่องดีๆ เขารักพ่อ รักแม่ รักพี่ รักน้อง เขารักชุมชน เขาเป็นผู้เสียสละ นี่จิตใจเขาเป็นบุญที่เขาสร้างมาดี ดูสิ จิตใจของคนนะ สังคมทำร้ายเรา พ่อแม่ทำร้ายเรา ทุกคนทำร้ายเราๆ ทำร้ายต้องเอาคืน มันกีดมันกัน มันกีดมันขวาง มันทำลายไปหมด นั่นน่ะใครทำ นี่ไง บุญและบาปไง ดีและชั่วไง
แล้วตัวบุญและตัวบาป ตัวดีและตัวชั่วมันขับเคลื่อนให้จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ แล้วเกิดมาๆ คนไม่มีบุญกุศล เราไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์หรอก
ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เต่าตาบอดอยู่ในทะเลขึ้นมา โผล่ขึ้นมาอยู่ในห่วงนั้นถึงได้เกิดเป็นมนุษย์
ไอ้เราก็เชื่อหรือไม่เชื่อล่ะ แล้วสงสัยมาก เมื่อก่อนเมืองไทยมีประชากร ๑๖ ล้านคน เดี๋ยวนี้ ๗๐ ล้าน แล้วมันมาจากไหนล่ะ
จิตหนึ่ง จิตนี้มีหนึ่งเดียวเท่านั้น จิตหนึ่ง ดูสิ จิตวิญญาณที่เวียนว่ายตายเกิดอีกมหาศาลที่อยากเกิด อยากจะให้เป็นดีๆ มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ตรงไหน ตรงบุญของเขานี่ไง บุญและบาปนี่ไง
แล้วเวลาเราเกิดด้วยบุญ การเกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ แล้วเกิดมาทำอะไร เกิดมาแล้วก็ตรากตรำทำหน้าที่การงานเหงื่อไหลไคลย้อย ไอ้นี่เพราะเกิดมาตามสถานะไง ใครมีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหนหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไง
ถ้าเขามีวาสนาขึ้นมา เขาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องแล้ว มีมากที่เขาอยู่บ้านของเขา เขาทำห้องพระไว้ เขาทำห้องพระไว้เพราะอะไร เพราะเขาไว้ใจใครไม่ได้ทั้งสิ้น แล้วด้วยทิฏฐิมานะของตนที่ว่าตัวเองได้มีสติมีปัญญามากน้อย ไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น สร้างห้องพระไว้ฝึกหัดภาวนาไง ฝึกหัดภาวนาขึ้นมาเพื่อจะค้นคว้าไง
ถ้าคนไม่มีใครสนใจมันก็ไม่เชื่อเรื่องสัจธรรมใช่ไหม “มันหมดกาลหมดเวลาแล้ว กึ่งพุทธกาลแล้ว พระอรหันต์ไม่มีแล้ว” มีแต่พูดกันอย่างนั้น ทั้งถากทั้งถาง ทั้งเหยียบทั้งย่ำ แล้วทั้งเยาะทั้งเย้ย แล้วทำไปแล้วนี่คืออะไร กิเลสทั้งนั้นน่ะ ความเห็นแก่ตัว ความคิดตัวเองยิ่งใหญ่ ความคิดว่าตัวเองมีสติปัญญา ว่าตัวเองยอดเยี่ยม
ยอดเยี่ยมเอาชนะตัวเองไม่ได้ แต่คนที่เขามีบุญกุศลของเขานะ ถ้ามีอำนาจวาสนาเขาก็ไปวัดไปวาของเขา ไปวัดไปวา คนที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนไปวัดไปวาแล้วเขาเหมือนนิ้วก้อยเลย เพราะอะไร
เรามาเพื่อความสงบระงับ เรามาเพื่อหัวใจของเรา เราไม่ได้มาเพื่อความยิ่งใหญ่ มาด้วยให้ใครนับหน้าถือตา มาให้คนยกย่องสรรเสริญหรอก คนที่เป็นธรรมๆ เขามาแล้วเขาไปซุกอยู่นะ ซุกอยู่ตามซอกตามมุมนะ แล้วเขาฝึกหัดภาวนา เพราะอะไร เขาจะเอาความจริงของเขา เพราะอะไร เพราะถ้ามันเป็นความจริง ใจเขาเป็นจริง ถ้าใจเป็นจริง นั่นน่ะสัจธรรมที่นั่น
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด”
แล้วเวลาจะมีที่พึ่งขึ้นมา สติธรรม สมาธิธรรม ปัญญาธรรม
สัจธรรมๆ ที่แสวงหา เราวิ่งหากันหมดเลย วิ่งไปทั่วเลย เป็นกระแสสังคมไง ให้สังคมยกย่องสรรเสริญ ให้สังคมค้ำไว้ กูยิ่งใหญ่
แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าละทิ้งแม้แต่เป็นกษัตริย์ เข้าป่าเข้าเขาไปกับปัญจวัคคีย์อีก ๕ เวลาตรัสรู้ ตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์อยู่องค์เดียว
เรามาวัดมาวาขึ้นมามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน อยู่บ้านอยู่เรือน ลูกน้องบริษัทบริวารมากมายมหาศาล เวลามาวัดขึ้นมาเขาเป็นอุบาสก เขาหาความสงบของเขา แล้วถ้ามันสติธรรม สมาธิธรรม ปัญญาธรรมเกิดขึ้นมามันยิ่งใหญ่ตรงนั้นน่ะ เวลามันยิ่งใหญ่ขึ้นมามันยิ่งใหญ่ในหัวใจนั้นน่ะ ถ้ามันยิ่งใหญ่ในหัวใจนั้น นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่อริยสัจ นี่แก่นของศาสนา
เรื่องสัจธรรมที่ “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด”
แล้วก็ อู้ฮู! นั่นเป็นธรรมๆ ไอ้ที่เขาทำกันอยู่ในโลกไม่มีอะไรเป็นธรรมเลย แต่ถ้ากูคิดนี่ธรรมหมดเลย
แต่ถ้าเป็นความจริงนะ สิ่งที่เกิดขึ้นมามันมีพัฒนาการของมัน นก เวลานกมันฟักไข่นะ เวลาลูกมันออกมามันพยายามหาเหยื่อ หาตัวหนอนไปป้อนใส่ลูกมัน ใส่ปาก นกเวลามันอ้าปาก อู้ฮู! ๔–๕ ตัว แม่มันต้องบินนะ พยายามจับแมลงจับทุกอย่างไปป้อนๆๆ ป้อนลูกมันขึ้นมา พอลูกมันโตขึ้นมา ป้องกันภัยให้ลูกมัน แล้วเวลาลูกมันต้องให้ลูกมันฝึกหัดบิน ถ้าลูกมันบินไม่ได้มันจะเป็นนกไม่ได้ นกมันต้องบินๆ
แต่นกเกิดมามันบินไม่ได้หรอก นกเกิดมามันไม่มีขนด้วย แต่พ่อแม่ก็ป้อนเหยื่อมัน ดูแลมัน คุ้มครองมัน ฝึกหัดมันให้มันหัดบิน พอมันบินได้ ฝึกหัดให้มันหาเหยื่อ พอมันหาเหยื่อได้ มันแข็งแรงแล้ว ขับไล่มันไปให้มันไปอยู่โดยธรรมชาติของมัน นี่ไง สิ่งที่สัจจะในโลกนี้ไง
นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดเป็นมนุษย์ๆ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาไง ดูสิ พ่อแม่ที่ดีงามพาลูกไปวัดไปวาไง ไปวัดไปวาไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องสงสัยไปวัดเขาทำอะไรกัน ไม่เคยพาลูกไปวัดไปวาเลย ลูกเข้าไปถึงตากแอร์ ไปแต่ห้างสรรพสินค้า ไปเที่ยวรอบโลกเลย แต่วัดไม่รู้จัก
เวลาคนทุกข์คนยากนะ เขาไปอยู่เมืองนอกกัน เวลาเขาทุกข์เขายากเขาไปหาหมอ เขาไปหาพระที่เมืองนอก เขาคิดถึงประเทศไทยเลย ประเทศไทยวัดเต็มประเทศเลย แต่กูไม่เคยรู้จักพระเลย เวลากูไปตกทุกข์ได้ยากอยู่เมืองนอก กูไปรู้เลยว่าธรรมะเป็นที่พึ่งได้ กลับมาประเทศไทยค่อยมาเห็นวัดในเมืองไทยไง นี่ไง แม่นกมันไม่ดูแลลูกนกมันไง ถ้าแม่นกมันดูแลลูกนกมัน นี่พัฒนาขึ้นมา
นี่ก็เหมือนกัน ในการประพฤติปฏิบัติ ไอ้นู่นก็ผิด ไอ้นี่ก็ผิด
เด็กน้อยแค่ไปวัดไปวานะ เห็นแล้วมันชื่นใจนะ เห็นแล้วมันมีภาพประทับใจมันไป ไอ้นั่นก็สมบูรณ์แบบแล้ว นั่นน่ะเด็กน้อยมันก็รับรู้ได้แค่นั้นไง แต่ถ้ามันโตขึ้นมา สิ่งที่ดีงาม บุญและบาป ดีและชั่ว เราก็คัดแยกของเราขึ้นมา วัดสอนอย่างนั้นไง ถ้าวัดสอนอย่างนั้น
เขาไปวัดไปวา บางวัดบางวาเขาก็เห็นแก่ตัว เขาก็เบียดเบียนกัน ไอ้นั่นก็เป็นเรื่องของเขา เราไม่เอาจิตวิญญาณของเรา เอาสิทธิของเรา เอาชีวิตของเราไปแลกกับไอ้การทำผิดอย่างนั้น ไอ้การทำผิดอย่างนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นเรื่องของเขาไง เราก็แสวงหาสิ่งที่ดีงามไง
“เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด”
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้ประหยัดมัธยัสถ์ อ่อนน้อมถ่อมตน ให้มีสติปัญญา เราไปหาตรงนั้นไง
เราไม่ต้องไปหาความยิ่งใหญ่ ไปหาที่เขาเชิดชูบูชาไง ไอ้ที่เขาค้ำจุนกันทางกระแสสังคมไง อย่างนั้นเราไม่ต้องการ เพราะกระแสสังคมใครก็สร้างได้ แล้วมันเป็นของชั่วคราวทั้งสิ้น แต่ความสุขความทุกข์ในใจของเรา สัจจะความจริงในใจของเรา อันนั้นเป็นความจริงไง
ถ้าเราไปรู้ไปเห็นสิ่งใดที่มันไม่เป็นความดีงาม “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด” เพราะเรามีสติปัญญาไง
หลวงตาท่านเน้นย้ำประจำ เหตุและผลเป็นธรรม
เหตุและผลเป็นธรรม ธรรมคือเหตุผล เหตุผล เหตุและปัจจัย ถ้ามันมีสิ่งนี้มันต้องมีเหตุมีปัจจัยของมันมา ถ้าไม่มีปัจจัยของมันมามันมาเกิดอย่างนี้ไม่ได้ อย่างเช่นเรามาเกิดเป็นมนุษย์เราก็มีบุญกุศลของเรามา เราถึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ของเรา แล้วเราจะมีเหตุมีปัจจัยต่อเนื่องของเราไปไง
ถ้าเหตุปัจจัยที่มันหยาบมันละเอียดขึ้นมา แม่นกมันก็เลี้ยงลูกนกของมันเพื่อให้สายพันธุ์มันต่อเนื่องกันไป แล้วถ้าสายพันธุ์มันดีงามขึ้นไป สายพันธุ์มันก็คงที่ของมัน ไม่สูญพันธุ์ไป
มรรคผลนิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันก็มีสัจจะมีความจริงขึ้นมาไง ถ้ามันมีความจริงขึ้นมา มันจะขึ้นมาได้มันก็ศีล สมาธิ ปัญญา ด้วยสติ ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ด้วยการฝึกหัด การฝึกหัด ฝึกหัดประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้ามันเป็นความจริงขึ้นมา นั่นน่ะ “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด”
คำว่า “มีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด” มันมีสติมีปัญญา มันคัดมันแยกของมันขึ้นมา ไม่ใช่มีธรรมเป็นที่พึ่งเถิดแล้วมันมีเสื้อเกราะ มันมีคุ้มครอง
มันก็คุ้มครองด้วยสติด้วยปัญญาของเรานี่แหละ มันก็คุ้มครองด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยการได้ฝึกหัดของเราขึ้นมา ถ้ามันแก่มันกล้าขึ้นมาเราก็รักษาใจของเราได้ แล้วใครมันจะมาหลอก
มันจะดีมันจะชั่วมันเรื่องของเขา
หลวงตาท่านเน้นย้ำเลย “ใครจะดีจะชั่วมันเรื่องของเขา เราจะทำคุณงามความดีของเราว่ะ”
ไอ้เราจะดีจะชั่วมันเรื่องของเขา เขามีแต่คนเห็นแก่ตัว เขามีแต่คนเหยียบย่ำทำลายทั้งนั้น แล้วเราจะมาต้านกระแสสังคม นี่ไง การทำดีๆ ทำบุญทิ้งเหว
การทำคุณงามความดีก็ทำทิ้งเหว อย่าไปหวังการตอบแทนตอบสนองจากใครทั้งสิ้น หวังการตอบแทนตอบสนองจากสติจากปัญญาของเรา จากความภูมิใจของเรา จากความกระหยิ่มยิ้มย่องในใจของเรา
ถ้าเรากระทำแล้วนะ เรากระหยิ่มยิ้มย่อง อยู่ที่ไหนก็ได้ พร้อมเสมอ จะตายก็ได้ แต่คนที่นั่งทับอึไว้ นั่งทับความชั่วของตัวเองไว้ ต้องหาคนปกป้อง หาคนคุ้มครอง หาคนดูแล หาคนคอยแก้ไข ตัวเองจะติดร่างแห มันอยู่ไม่เป็นสุขหรอก
ความลับไม่มีในโลก นี่ก็คือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด นี่พูดถึงเรื่องศาสนาไง
ถ้าเราไม่ศึกษาไม่ค้นคว้า ไม่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราก็คิดว่าการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะนั้นเป็นศาสนา การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันเป็นผลบุญผลกรรม จะมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สัตว์โลกก็เป็นแบบนี้
แต่เพราะมันมีบุญกุศล เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากระเสือกกระสนสร้างบุญญาธิการมา
“เราเป็นไก่ตัวแรกที่เจาะฟองอวิชชาออกมา”
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเป็นไก่ตัวแรกที่เจาะฟองอวิชชาพญามารที่ครอบคลุมใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นไก่ตัวแรก แล้วก็ฝึกฝนพวกเรา เห็นไหม ไก่เลี้ยงลูกไก่ ดูแลลูกไก่
ไอ้เรามันไข่ไม่มีเชื้อ ฟักไม่เป็นตัวสักทีไง ใจของเรามันไม่มีเชื้อ ฟักแล้วเน่า เน่าหมดเลย ไม่เป็นเจี๊ยบๆๆ ออกมาสักตัวหนึ่ง นี่เราไม่ทำคุณงามความดีของเรา
ถ้าเราทำคุณงามความดีของเรามันเกิดจากจิต เกิดจากจิตวิญญาณของเรา ไม่ใช่เกิดจากกระแสสังคม โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ เราไม่ไปสนใจสิ่งภายนอก เราสนใจแต่หัวใจของเรา แต่มันก็อาศัยสิ่งภายนอกนี่ เพราะเรามีพ่อมีแม่ มีสังคม มีทุกอย่างพร้อม ถ้าเรามีพ่อมีแม่ มีสังคม มีทุกอย่างพร้อม เราติดสังคม เราก็อยู่แค่นั้นน่ะ
แต่ถ้าสติปัญญามากขึ้น อภิชาตบุตร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทิ้งพระเจ้าสุทโธทนะ ทิ้งนางพิมพา ทิ้งสามเณรราหุล ทิ้งไปทั้งหมด ไปค้นคว้าจนเป็นความจริงขึ้นมา กลับมาเอาพระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระอรหันต์ นางพิมพาเป็นพระอรหันต์ สามเณรราหุลเป็นพระอรหันต์ นี่มันต้องมีสติมีปัญญาที่สามารถเอาตัวรอดได้
ถ้าไม่เอาตัวรอดได้ เราเกิดจากพ่อจากแม่ เราอยู่กับสังคมทั้งนั้น แล้วก็ว่า “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด” ดัดจริต ที่พึ่งก็อยู่ใต้อุ้งตีนมึงใช่ไหม เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด ต้องอยู่ใต้อุ้งตีนมึงน่ะถึงเป็นที่พึ่ง ถ้ากูมีสติมีปัญญา กูค้นคว้าเองนั่นไม่ใช่ธรรม
แต่หลวงตาบอกว่าเหตุและผล เรามีสติ เรามีปัญญา เราค้นคว้า นั่นน่ะคือสัจธรรมเว้ย เอวัง